ทำยังไงให้ย้ายค่ายไม่ใช่เรื่องยากและรอนานอีกต่อไป (แอดพลาดเอง 555555)

มิถุนายน 26, 2560 New_Naw 0 Comments



ถ้าเราจะย้ายค่าย ต้องรู้อะไรเพิ่มอีกไหมน้าา (นอกจากพกบัตรประจำตัวประชาชนไป 🤣

จากเรื่องราวครั้งก่อน.. http://drink4forget.blogspot.com/2017/06/ktc.html?m=1 แอดว่ายังมีอีกเรื่องที่อยากเล่า เพราะว่าเจ็บใจเหลือเกิน สาเหตุที่ซื้อมือถือใหม่ เพราะอยากย้ายค่ายเพื่อรับโปรโมชั่นซื้อเครื่อง iPhone 7 ถูกลง ก็เออ เอาสิ สู้!! ย้ายก็ดีเหมือนกัน เน็ตช้าเหลือเกินปัจจุบัน ตอนนั้นเราต้องไปย้ายที่ศูนย์เก่า AIS ไป True หลังจากนั้นก็ได้รู้ ว่า...

1. เลือกวันที่ย้ายค่ายและวันเปลี่ยนค่ายให้อยู่ในช่วงจันทร์-พุธ เพราะวันพฤหัส - อาทิตย์แน่นอนว่าเราต้องเสียเวลาวันที่ทางค่ายต้องทำเรื่อง ซึ่งจะไม่ทำงานในวันเสาร์และอาทิตย์ สมมติเราย้ายวันจันทร์ จะเปลี่ยนค่ายได้วันพุธ แต่ถ้าเราย้ายวันพฤหัส เราจะเปลี่ยนค่ายได้วันจันทร์เลย แบบนี้ (แต่ถ้าใครรอได้ก็แล้วแต่สะดวกเลย ส่วนแอดรอไปสิ เครื่องเก่าก็จะไม่ไหวแล้ว 555+)

2. ตรวจสอบแพคเกจเก่าของตัวเอง เพราะระหว่าง 2 วันที่รอย้ายเครือข่ายสำเร็จ เรายังใช้เครือข่ายเก่าได้อยู่ แต่ไม่ใช่กับแอดมิน!!  555 เพราะดันสมัครแพคเกจแบบไม่ FUP หมดคือหมด เน็ตตัดขอเน็ตใหม่ไม่ได้ เพราะอยู่ระหว่างดำเนินการย้ายค่าย ทำให้เราใช้โทรศัพท์ไม่ได้เลยทั้งโทรและเล่นเน็ต วิ่งหา wifi อย่างเดียวจ้าา

3. วันย้ายค่าย กับขอเปลี่ยนค่ายควรเป็นวันเดียวกัน เพราะ กสทช จะมีรหัสมาเพื่อยืนยันวันต่อวัน (แต่ถ้าไม่สะดวก จะไปยื่นวันอื่น ก็ต้องกดขอรหัสใหม่เท่านั้นเอง)

จริงๆแล้วอาจจะไม่เป็นปัญหาสำหรับใครหลายคน แต่ก็อาจมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้เรื่องพวกนี้ และจะหัวร้อนได้ 😡 ถ้าต้องรีบย้ายเพื่อรับโปรโมชั่นต่างๆหรือต้องใช้งานโทรศัพท์นะจ๊ะ 😘

0 ความคิดเห็น:

[TAIWAN : The sunless city] ไปไต้หวัน 4 วันไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน

มิถุนายน 21, 2560 Unknown 0 Comments


ไต้หวันฟรีวีซ่าแล้วใครๆก็อยากไป ไปก็ง่าย ค่าใช้จ่ายไม่แพง เตรียมตัวสบายๆ แต่เราจองตั๋วไว้ก่อนจะฟรีวีซ่าอีกนะ จองชาตินี้บินชาติหน้ากับสายการบินพี่เสือ tiger air แต่เอาจริงๆนี่ว่าเป็นสายการบิน low cost ที่สตรองที่สุดที่จะไปไต้หวันแล้ว ป่าว..คือเราอ้ะต้องสตรอง ไฟลท์ขาไปบินตรงมีไฟลท์เดียวคือถึงไต้หวันเที่ยงคืนครึ่ง!!! 555 แต่ราคาดีไง คุ้ม!!! ก็เลือกเอาเองตามใจชอบเลยว่าจะเข้าเมืองไปนอนโรงแรมสบายๆ หรือนอนหนาวตายในสนามบิน ใช่แล้ว..นอนหนาวตาย นี่หนาวเกือบตายมาแล้ว เปิดแอร์แรงเหมือนกลัวกูเน่า กูไม่เน่า กูยังไม่ตาย 55555 ถ้าไปอีกไม่เอาแย้ววว เก๊าจะนอนโรงแรมมม


ทริปชิคๆคูลของเรามันจะขาดการติดต่อกับชาวโลกไม่ได้ นอนดูคนอื่นเที่ยวมาหลายเดือน มันถึงตาเราแล้ววว ทริปนี้เราใช้ pocket wifi ของ TRIPIZEE ราคาวันละ 150 บาท หารกัน 4 คน คุ้มโคตรรร! เราสามารถจองทางหน้าเว็บได้เลย จะเลือกไปรับเองที่สนามบินหรือส่งขนส่งเอกชนก็ได้ เราอยู่ ตจว เลยเลือกส่งเคอรี่ บริการก็ดีเหลือหลาย ส่งมาให้ล่วงหน้าก่อนบิน 1-2 วัน พอบินกลับมาถึงไทยปุ๊บ รุ่งขึ้นอีกวัน พนง เคอรี่โทรมาขอรับของกลับเลย ไวได้อีกกก สัญญาณก็ดีงามเลยนะ เร็วปรี๊ดดด อาจจะมีตอนนั่งรถไปนอกเมืองไรงี้ก็จะหนึบๆหน่อย แต่ถือว่าโอเคเลย โดยเฉพาะแบตเตอรี่นาง โอ้ยยย  8 โมงเช้ายันเที่ยงคืนไม่มีหมดค่า ดีงามจริงๆ


มาถึงสนามบินเถาหยวนแล้ว เป็นสนามบินเล็กๆ แต่มีทุกอย่างครบเลย อย่าลืมกรอกใบขาเข้าออนไลน์มาเน้อ จะได้ไม่ต้องมาเขียนที่นี่อีก รวดเร็วจริงๆ สำหรับใครที่อยากอาบน้ำที่สนามบินมีห้องอาบน้ำด้วยนะ อยู่ตรงสายพานรับกระเป๋า เอากระเป๋าแล้วพุ่งตัวไปอาบน้ำก่อนได้เลย ห้องอาบน้ำดีมาก และไม่มีคนเลย ข้างนอกออกไปแล้วไม่มีล้ะน้า คืนนี้นอนนี่นะ หลับๆตื่นๆหนาว อย่าเรียกว่านอนเลย... 555


ก่อนนอนมาดูแพลนเที่ยวของเรากันก่อน เบาๆชิวๆ เน้นเอ้อระเหย 555



- DAY 1 : Sun Moon Lake-
เราออกจากสนามบินตั้งแต่ยังไม่สว่างเพราะนอนไม่หลับเลยยย โดยนั่ง Ubus705 ไปลง HSR Taoyuan คนละ 30NT แพร้บเดียวถึง ตั๋วรถไฟ HSR เราจองไปจากไทยน้า ในเว็บ kkday เลย เลือกวันไว้เลย แต่ไม่ต้องเลือกเวลา ไปถึงสถานีก็เอาบุ๊กกิ้งที่ปริ๊นท์มาไปออกตั๋วได้เลย


นั่ง HSR ถึงสถานี Taichung แล้วต่อรถบัสไป SML ถ้าให้คุ้มซื้อพาส SML เลย พาสมีหลายแบบมากแล้วแต่ว่าเราอยากทำอะไรบ้าง ซื้อได้ที่ HSR Taichung ทางออก 5 ชั้น 1 เราเลือกพาสนี้คนละ 720NT


รถบัสใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หลับยาวทดแทนที่เมื่อคืนไม่ได้หลับได้นอนเลย มีแอบตื่นมาช่วงนึง ถนนข้ามเมืองที่ไต้หวันจะเป็นไฮเวย์ตัดผ่านภูเขา มีอุโมงค์เยอะมาก ส่วนช่วงที่เป็นหุบเขาก็จะเป็นถนนยกระดับ คือมันสูงมากกก มองลงไปขาสั่นพั่บๆ


และไฟนอลลี่เราก็มาถึง SML



เราลงรถที่ shueishe visitor center แล้วรีบเดินเอากระเป๋าไปฝากที่ที่พักเลย เพราะหิวมากกก เราพักที่ Love Home Garden Inn เป็นที่พักเล็กๆ มีแค่ไม่กี่ห้อง ส่วนห้องที่เราเลือกเป็นห้อง 2 ชั้น นอนได้ชั้นละ 2 คน กว้างขวางมาก เราจองที่พักกับ www.booking.com ทั้งหมดเลย สะดวกมาก ไม่ต้องจ่ายเงินเลย และยังยกเลิกได้ตลอด

ขอบคุณรูปจาก  www.booking.com 

เก็บของเสร็จปุ๊บเราก็ออกไปหาของกินเลย เรามาถึงประมาณ 10 โมง ร้านยังไม่ค่อยเปิดเลย คนที่นี่เค้าขายของกันกี่โมง ตอบบบ ก็แบบเลือกเอาจากสายตาเข้าไปกินร้านนึง อาหารแบบโอ้ยยย เทรดดิชั่นนอลมาก มื้อแรกที่ไต้หวันของกู๊ววว พัง
!!! กินกันตาย ยังไม่อิ่มแต่ก็พอเถอะ 555

เจ็บช้ำได้จากอาหารมื้อแรกในไต้หวันไปแล้ว ก็ไปขึ้นเรือที่ท่าเรือ shueishe กันต่อ คือ SML เนี่ยมันจะมี 3 ท่าเรือ คือ shueishe xuanguang และ ita thao เรือโดยสารที่รับส่งระหว่างท่าเรือ เรานั่งกี่รอบก็ได้ตลอด 1 วัน โดยเรือจะวิ่งจาก sheuishe > xuanguang > ita thao แล้วย้อนกลับไปที่ sheuishe วนเป็นลูปงี้ มาถึงไต้หวันแล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือชา คนที่นี่แทบจะกินชาแทนน้ำกันล้าววว ร้านชาร้านเว้นร้านกันเลยทีเดียว ชาที่นี่ดีอย่างคือไม่หวาน ชอบตรงนี้


เราไม่ได้ลงท่า xuanguang อ้ะ ไปลงท่า ita thao เลย ท่านี้คือของกินเยอะมากกก รู้งี้มานอนนี่ซะก็ดี 555 เราจำใจเดินผ่านเหล่าบรรดาของกินไปก่อนเพื่อไปขึ้น ropeway พร้อมกับคิดในใจว่า.. กลับมาตูจะกินให้เกลี้ยง 555





เดินไปตามทางเลาะริมทะเลสาบไปเรื่อยๆคล้ายๆเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เพื่อจะไปขึ้น ropeway


คุณลุงจูงน้องหมาแบบแพ็คคู่ นางวิ่งกันดุ๊กดิ๊กๆ ฮือออ น่ารักมากกก (เป็นผู้หญิงรักสัตว์ แต่รักเด็กมากกว่าสัตว์อีกนะ เด็กแบบโตแล้วใช้งานได้งี้ 555)


กระเช้านี้ก็รวมอยู่ใน SML pass ด้วยนะ ซื้อมาแล้วก็สามารถใช้ชีวิตอยู่นี่แบบไม่ต้องจ่ายไรเพิ่มอีกเลย ยกเว้นเรื่องปากท้องเรานี่แหละ 555 ขึ้นกระเช้าข้ามเขาประมาณ 2 ลูก สั่นๆเสียวๆกันไป ข้างบนจะเป็นร้านขายของฝากมากมาย และมีหมู่บ้านวัฒนธรรม 9 ชนเผ่า ซึ่งเราไม่ได้เข้าไป เดินถ่ายรูปช้อปปิ้งพอให้หายหวาดเสียวแล้วก็นั่งกระเช้าลงเลย







เราไปมาเมื่อต้นปี ตอนนั้นไต้หวันกำลังมีซากุระพอดี สวยมาก หวานไปหมด



ที่รีบกลับลงมาไม่ใช่ไร หิวแล้ววว เดินเล่นชิมชิวของกินที่ท่า ita thao กันต่อเล้ยยย



เป็นปีกไก่ยัดไส้เครื่องเทศและหัวหอม อร่อยยย

เป็นขนมหวานๆเหนียวๆ เฉยๆมาก แต่คนเดินถือกันเยอะมาก ไม่ทน ต้องจัด 555 

จริงๆกินอีกหลายอย่างมาก แต่ถ่ายไม่ทัน โอ้ยยย หิวมาจากไหนกั้นนน

นั่งเรือวนกลับท่า shueishe ไปเช็คอิน รร แพร้บบบ เดินยังไม่ทันจะถึงที่พัก ฝนตกจร้า ไต้หวันนะไต้หวัน


พักผ่อนกันหนักมาก หลับไปกันคนละงีบสองงีบ ตื่นมาหิวอีกแระ ไรวะ 555 เวลาประมาณ 2 ทุ่มแล้วก็เลยออกไปหาของกิน เดินออกมาข้างนอก เฮ้ย! ร้านปิดจะหมดแล้ว อะไรอ้ะ ตอน 10 โมงก็ไม่เปิด นี่แค่ 2 ทุ่มปิดกันหมดแล้ว ขายของตอนไหนกั๊นนน แต่อาจจะเป็นเพราะฝนตกด้วยก็เลยปิดเร็ว (นี้คิดเอง) เดินไปด้วยความหิวโซ ก็ไปเจอกับร้านๆนึง เอาวะ ไม่มีไรจะเสีย เมนูก็ไม่มีภาษาอังกฤษเลย มีแต่รูปกับภาษาจีน ก็จิ้มกันรัววว ของเราได้มาหน้าแบบราดหน้า จืดๆมันๆลื่นๆ รสชาดแบบ... และแล้วมื้อที่ 2 ที่ไต้หวันก็พังลงอีกครั้ง......


กินข้าวเย็นเสร็จเดินเข้าเซเว่นกันเลย หาน้ำล้างปากแพร้บบบ อาหารท้องถิ่นไม่ค่อยจะโอ แต่เบียร์ท้องถิ่นนี่โอเคเว้อออ รักเลย 555



-DAY 2 : Taipei Fish Market, Jiufen-
วันนี้ตื่นเช้ารีบอาบน้ำแต่งตัว เช็คเอาท์ เราจะไปไทเปกันแล้ววว ขึ้นรถที่หน้า shueishe visitor center เหมือนเดิม ทันเที่ยวแรกพอดี เก่งเว้อ 555 นั่งบัสไปลงไถจง แล้วนั่ง HSR ไปไทเปสถานี Taipei Main Station ในสถานีจะเจอเคาท์เตอร์ขาย easy card ก็ซื้อมันตรงนั้นเลย ค่าบัตร 100NT เติมเงินตามแต่ศรัทธา เอ้ย..ม่ายช่าย 555


ถึงไทเปเอากระเป๋าไปฝากที่พักก่อนเลย เราพักที่ MUIU Inn 2 คืนที่อยู่ไทเป เดินจากสถานี Taipei Main Station ได้เลย ที่พักเป็นโฮสเทลอยู่บนชั้น 10-12 ของตึก  ที่พักดี สะอาด แต่ห้องเล็กมาก ห้องน้ำก็เล็กมาก ขอเน้นว่าเล็กมาก คนอ้วนไม่แนะนำนะจร้า 555




เก็บของเสร็จแล้วก็ออกไป Taipei  Fish Market ก่อนเลย หิวแล้ว ร่างกายต้องการอาหารดีๆบ้าง 555 ก็เดินกลับไปขึ้น MRT ที่สถานี Taipei Main Station ไปลง MRT Zhongshan Junior High School แล้วเรียกแท็กซี่เลย ไม่แพงแต่ลืมไปแล้วว่าเท่าไหร่ 555  แต่ถ้าเดินจะไกลนิดนึง ถ้านั่งบัสก็กลัวหลง 555 ไปถึงก็อู้วหู้วววว หน้ามืดตาลายเด้อออ มันสดมาก ดีงามราวกับอยู่ญี่ปุ่นเลยจร้า กินกันแบบจุกแน่นมาถึงคอหอย 555





หลังจากได้มื้อดีๆไปแล้วเราก็ไปกันต่อ ตามแพลนเราจะไป jiufen กัน  ซึ่งมันต้องนั่งแท็กซี่ไปต่อ MRT อีก ด้วยความอิ่มและขี้เกียจก็บอกแท็กซี่ไปป้ายรถบัสที่ขึ้นรถไป jiufen เลย สบายไปอีก แต่ค่ารถรอบนี้ไม่สบายกระเป๋านะ 555 ไป jiufen ขึ้นบัส No.1062 น้า จริงๆป้ายมันอยู่สถานี MRT Zhongxiao Fuxing แหละ

วิวระหว่างทาง

วิวระหว่างทาง



jiufen นี้เต็มไปด้วยของกินอย่างแท้จริง แต่พวกเรายังอิ่มอยุ่เลย จะร้องห้าย 555



A mei tea house ถือได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คของ jiufen เลย ถามว่าได้กินมั้ย ตอบเลยว่าม่ายยย มันแพงมาก และคิดราคาต่อหัวด้วย


ไอติมถั่วตัดในตำนาน เย็นๆ หอมๆถั่วตัด อร่อยดี

บัวลอยเต้าทึง นี่ตั้งชื่อเอง เอ้ยยย..มันดีงามมาก อร่อยมาก อันนี้ 10 10 10

วิวจากร้านบัวลอยเต้าทึง

กลับจาก jiufen ไปช้อปปิ้งต่อที่ Gongguan Night Market ลงสถานี MRT Gongguan ทางออก 4 ค่า เพื่อนๆอยากช้อปรองเท้า แต่เอาจริงๆมันไม่ได้ถูกมากนะ ที่ญี่ปุ่นถูกกว่า ก็เลยตัดใจ ไปกินชาบูหมาล่าดีก่าที่ Mala Yuanyang Hotpot ร้านนี้เนื้อดีงามมาก แบบกินเนื้อหมดไปประมาณ 3 ตัว ตรึ่งงง!!! แต่น้ำจิ้มปรุงยากมาก มีเครื่องปรุงวางไว้ให้ประมาณ 30 อย่าง รู้จักบ้าง ส่วนใหญ่ไม่รู้จัก 555 แล้วจะทำไง ก็ไปยืนดูคนพื้นที่เค้าทำแล้วลอกตามจร้า มากินครั้งแรกก็แปลกๆ จิ้มๆไป เออ ก็อร่อยดี กร๊ากกก




-DAY 3 : Yangmingshan, Chiang Kai Shek-
วันที่ 3 แล้ว หลังจากตื่นมาจากรูหนูแล้วนั้น เราก็เตรียมตัวจะไป Yangmingshan วิธีไปก็ง่ายมาก ขึ้นบัส No.26 ทื่ MRT Taipei Main Station ทางออก Y6 ได้เลย จะมีลุงๆป้าๆยืนต่อแถวอยู่ น่านแหละใช่เลย.. และเราก็ครื้นเครงกันมากโดยไม่ได้รู้ชะตากรรมเลยว่า.... ไปถึงแล้วจะหลงอยู่ในอุทยาน ฮือออ คือหลงหนักมาก และมันหนาวมาก ฝนก็ตก ลมก็แรง ขึ้นรถผิดสายไปลงที่ไหนก็ไม่รู้ พอจะขึ้นรถกลับ รถไม่มา ยืนรอเป็นชั่วโมง โอ้ยยย พีคเว้ออ ไปคนเดียวร้องไห้แล้วบอกเลย 555 เพราะฉะนั้นไม่มีรูปโว้ยยย เครียด 555

Taipei Main Station

หลังจากเอาชีวิตรอดกลับมาจาก Yangmingshan ได้ก็หมดแรง สภาพแบบพังพินาศกันมาก โอ้ยยย ขอไปอะไรง่ายๆพอล้ะกันวันนี้ ไม่ไหวแล้ววว ก็เลยเป็น Chiang Kai Shek Memorial Hall ลง MRT Chiang Kai Shek Memorial Hall ง่ายพอไหม 555 ที่นี่คือเรารู้สึกเซอร์ไพรซ์นะ ไม่คิดว่าของจริงจะใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้อ้ะ ใหญ่และสวยเวอร์วังอลังการงานสร้างจริงๆ






มาถึง Chiang Kai Shek Memorial Hall แล้วสิ่งที่พลาดไม่ได้คือต้องไปกินชาไข่มุกออริจินอลจากไถจง ซึ่งตอนแรกหาไม่เจอ รู้ว่ามันอยู่นี่แหละ แต่ไหนฟร่ะ คือมันอยู่ใน national concert hall ต้องมุดเข้าไปข้างในเลย ไข่มุกแบบเม็ดเล็กมาก ชาก็ดี๊ดี อร่อยยย


และที่เราจะไม่ไปไมได้เลยคือตึก Taipei101 แลนด์มาร์คของไทเปเลย นี่ก็เซอร์ไพรซ์อีกแล้ว ของจริงใหญ่มาก สูงมาก ยอดตึกหายเข้าไปในหมอกเมฆเลยจร้า


เราจะไปกินเสี่ยวหลงเปา หรือ Din tai fung อันเลื่องชื่อกัน แต่อันนี้เมดอินไต้หวัน เลยนะคะ มาถึงที่แล้วอย่าให้พลาด




สำหรับคืนนี้อิ่มแล้วอย่าลืมช้อปปิ้งเดินเล่นก่อนกลับที่พักที่ Ximending (MRT Ximen , ทางออก 6) จากที่นี่เราสามารถเดินแล้วกลับที่พักได้เลย


น้ำกบในตำนานอีกแล้ว จริงๆมันคือน้ำมะนาวมะกรูดหรืออะไรเถือกๆนี้ แล้วใส่วุ้น ก็ใช้ได้นะ ไม่ได้แย่


-DAY 4 : Longshan Temple, KUMAMON CAFÉ-
วันสุดท้ายก่อนกลับ ขาดไม่ได้เลยคือต้องไปไหว้พระขอเนื้อคู่แพร้บบบ เอาจริงๆคือตอนเช้าๆในไทเปนั้นนน ไม่มีอะไรเปิดเลยนอกจากวัด ตอนไปถึงวัดก็ยังไม่เปิดอีกนะ แต่รอแป๊บเดียว ไปวัดต้องลง MRT Longshan Temple ทางออก 1 หรือ 3 ก็ได้



ในตอนที่กำลังนอยด์ว่าจะไปไหนดี เราก็เจอที่พิเศษ มันคือ Bopiliao Historical Block เป็นถนนสายสั้นๆที่เต็มไปด้วยอาคารอิฐแดงและไม้เก่าแก่ คือมันเหมาะกับการถ่ายรูปมาก ถ่ายได้ทุกมุม โพสได้ทุกท่า บ้าไปแล้ววว



และที่สุดท้ายก่อนจะกลับแล้วจริงๆก็ไปมุ้งมิ้งกันซักนิดที่ KUMAMON CAFÉ ลง MRT Zhongshan แล้วเดินไปอีกพักนึงเลย มีความพยายามมากอ้ะ 555 แต่คาเฟ่น่าร๊ากกก แบบไม่ได้ชอบคุมะมงยังไม่ไหวแล้ววว อยากยกไปไว้ที่บ้าน 555





กินหมีเสร็จแล้วก็รีบกลับไปที่พักเอากระเป๋าแล้ววิ่งไปขึ้น Airport MRT เลยจร้า ไฟลนตูดมากแล้ว โอ้ยยย ขึ้น MRT ได้หลับเลย วิ่งจนหมดแรง 555


สรุปค่าใช้จ่ายทริปไต้หวัน 4 วัน 3 คืน 8200 บาทยังไม่รวมพ็อคเก็ตมันนี่ เราแลกไป 7000 บาท รวม 15000 บาทพอดี สบายๆ


ปล. รูปทริปนี้ทั้งหมดถ่ายจาก iPhone7plus และแต่งภาพใน VSCO ค่ะ

ขอบคุณที่อ่านจนจบน้าค้า ร๊ากกก (จะมีคนอ่านจนจบไหม ถามใจ 555)

0 ความคิดเห็น: