ให้มันเป็นสีชมพู!!! "ลานหินสีชมพู" ที่เที่ยวหวานๆของจังหวัดจันทบุรี

กรกฎาคม 17, 2560 Unknown 0 Comments



นี่มันคือทริปเร่งด่วนมาก แบบเอ้ยยย ไปดูหินสีชมพูกัน..ก็ไปเล้ยยยยย...
ลานหินสีชมพู อยู่ที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน จ.จันทบุรี เป็นคนละที่กับศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน แต่อยู่ไม่ไกลกันมาก จากเมืองจันท์ขับไปอีกแค่ประมาณ 30 กิโลเมตร อยู่ไม่ไกลจากสะพานปากน้ำแขมหนู ค่าเข้าคนละ 20 บาทเท่านั้น พี่ทหารบอกว่าเดินใกล้นี๊ดเดียว หึหึ ทางเดินเป็นเส้นทางวงกลม ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร จะเลือกเดินเลี้ยวซ้ายเลียบชายหาดไปลานหินสีชมพูก่อนก็ได้ หรือจะเดินเลี้ยวขวาขึ้นเขาเข้าป่าไปจุดชมวิวด้านบนเขาก่อนจะลงมาสู่ลานหินสีชมพูก็ได้ เอาจริงๆเดินรอบก็เหนื่อยเท่ากัน 555 แต่เลี้ยวขวาขึ้นเขาก่อนฟินกว่า เชื่อเราๆ 555 เราเลือกเดินเลี้ยวขวาขึ้นเขาก่อน คือต้องเดินเข้าป่าซึ่งจะมีความชันนิดหน่อยแล้วจะไปโผล่ที่จุดชมวิวแบบนี้



เดินลงไปจากจุดชมวิวนี้ก็จะเจอลานหินสีชมพู ทางเดินไม่ได้ราบเรียบเดินสบายตลอดเส้นทาง แต่บางช่วงต้องปีนป่ายโขดหินลัดเลาะตามชายหาดไปเรื่อยๆ เรียกได้ว่าเหนื่อยกันเลยทีเดียว

ใครที่แพลนจะมาควรเตรียมรองเท้าผ้าใบมาด้วยจร้าาา ส่วนเรา ตรึ่งงง!!! 


แนะนำให้มาตอนเย็นๆแดดร่มลมตกซะก่อนจะดีมาก หรือใครจะมาเร็วหน่อยก็เตรียมหมวกและเสื้อแขนยาวกันแดดมาด้วยน้าาา ส่วนเรา ตรึ่งงง!!!


อีกอย่างคือถ้าอยากให้ฟิน เห็นลานหินสีชมพูกว้างๆ ควรเช็คเวลาน้ำขึ้น-น้ำลงก่อนด้วย ซึ่งในช่วงเดือน ก.พ. จนถึง ก.ค. จะเป็นช่วงน้ำลงในตอนกลางวัน ดังนั้นจึงสามารถมาเที่ยวในตอนกลางวันได้ตลอดทั้งวัน แต่ใครที่จะมาเที่ยวหลังจากเดือน ก.ค. อาจจะต้องโทรสอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนน้า
















หินสีชมพูมีความฟรุ้งฟริ้งมาก สวย อากาศดี มุมถ่ายรูปก็เยอะ ฮิปสเตอร์กันซะให้พอ 555

แผนที่ Google Map
GPS 12.520811,101.9495691


0 ความคิดเห็น:

Bonsai Cafe : คาเฟ่น่ารักของคนรักต้นไม้และของเก่า

กรกฎาคม 09, 2560 New_Naw 1 Comments



รีวิวนี้เกิดจากหยุดยาวนี้คิดจะไปหาร้านคาเฟ่นั่งเล่นแถวบางแสน ร้านดังๆตามรีวิวช่วงเทศกาลคนก็เยอะเหลือเกิน ที่จอดรถก็แทบไม่มี งานนี้เลยต้องอาศัยขับรถวนไปค่ะ 
ขับมาเรื่อยๆ ก็พบกับคาเฟ่ที่ดูเงียบๆ แต่ก็รู้สึกว่าร้านนี้ต้องมีอะไรเด็ด เลยขอขับเข้าไปลองดูหน่อยแล้วกัน (แต่แอบหวั่นมากว่าจะแป้ก!! 5555)

หน้าร้านยังไม่ดูดึงดูดใจเท่าไหร่อาจจะเพราะเดี๋ยวนี้ ร้านส่วนใหญ่ต้องชิคๆสไตล์ปูนเปลือย เรียกลูกค้าแนว hipster แต่พอเข้าไปข้างใน ก็ต้องว้าวววว..กับต้นไม้น้อยใหญ่ ไม้ประดับต่างๆบวกกับสไตล์บ้านที่นำมาปรับปรุงเป็นคาเฟ่ ทำให้ดูน่าหลงไหลขึ้นมา



ไม่รอช้า พอเราเข้าไปนั่งก็สั่งชาเย็นเฉาก๊วยเมนูที่ดูเหมือนจะเป็นเมนูแนะนำ แล้วก็ขอออกมาถ่ายรูป เพราะยังมีบริเวณอื่นๆให้ถ่ายรูปอีกเยอะมากก (วี๊ดด กรีดร้องในใจ เพราะเหมาะสำหรับคนชอบถ่ายรูปอย่างเรามาก แม้จะถ่ายงูๆปลาๆก็ตาม)




ข้างในร้านตกแต่งด้วยของเก่า ถึงแม้จะดูเยอะแต่ก็ลงตัวเข้ากันไปหมด  




มีห้องเล็กๆเก็บของสะสม เจ้าของบ้านน่าจะเป็นคนที่ชอบสะสมของเก่าอยู่เลยแหละ และ Coke น่าจะเป็นขวัญใจเลย หรือพวกหุ่นอุลตร้าแมน ไอ้มดแดง ที่เคยดูตอนเด็กๆ ก็มีสะสมหลายตัว (ว๊ายยย จขกท เกิดทันด้วย 555) 





มุมชมสวน ชมปลาคาร์ปก็เพลิดเพลินอะ





ด้านข้างร้านยังทำที่ให้ได้นั่งพร้อมฉากเกร๋ๆ วินเทจๆ ไว้ถ่ายรูปเล่น 




เดินถ่ายรูปเพลินจนลืมว่าร้านเค้าชื่อร้านบอนไซคาเฟ่ไหม 5555 เลยขอถ่ายสวนบอนไซซะหน่อย 

มีแต่ต้นสวยๆ น่าจะเลี้ยงยากน่าดู ยิ่งต้นใหญ่ๆราคาคงสูง กว่าจะโตอะเนอะ




ขอสั่งเค้กส้มมาชิม ซึ่งก็เข้มข้นมากก ฟินๆกันไป


ก่อนกลับก็สั่งขนมไทยเพิ่มอีกอย่าง น้องบอกว่าคือ ขนมกลีบลำดวน จะคล้ายๆขนมผิงแต่ไม่ละลายเท่า....อืมม อร่อยใช้ได้



พอจ่ายเงิน น้องถามว่าได้เชคอินร้านไหม เราบอกไม่ได้เชคอิน แต่น้องก็จะลดให้ 10% แต่เราไม่ได้     เชคอินไงเลยบอกน้องว่าไม่เป็นไร คิดราคาเต็มแหละ 



เป็นอีกร้านที่น่ารักมากๆ มีทั้งโซนธรรมชาติ และโซนของเก่า แถมตอนนี้ถ้าเชคอิน ร้านก็ลดไปเลย 10% โดยไม่ต้องใช้บัตร ใช้แต้มกันเลยนาจา 55555555 ... พิกัดร้านอยู่แถวตรงข้ามตลาดหนองมน เลี้ยวเข้าไปในซอยประมาณ 100 เมตร ก็จะเจอร้านอยู่ซ้ายมือ (ส่วนใครงงก็search ใน google ชื่อ Bonsai CAFE - กาแฟฅนรักบอนไซ แล้วตาม map ไปเลยจ้าา)






1 ความคิดเห็น:

[CHIANGMAI : urban escape] หนีเมืองเชียงใหม่ ไปหลง(รัก)ป่า

กรกฎาคม 03, 2560 Unknown 0 Comments



เชียงใหม่..ไปกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ
เชียงใหม่..มันดีต่อใจ
คนที่เชียงใหม่.....ก็ดีต่อใจ


- DAY 1 -

จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าไปเชียงใหม่มากี่ครั้งแล้ว นับคร่าวๆครั้งนี้น่าจะครั้งที่ 7 แต่ความอยากเที่ยวไม่เคยปราณีใคร เปิดเฟซบุ๊กเห็น vietjet ออกโปรรีบไลน์ไปหาเพื่อนเลย กดตั๋วให้หน่อย (ทำไมไม่กดเอง นิสัยเสีย 555) ได้ตั๋วไปกลับราคา 1300 กว่าบาท ราคาดีเลยทีเดียวเพราะเป็นช่วงไฮและจองล่วงหน้าไม่นาน ไฟลท์เวลาดีเลยนะ เที่ยวได้เต็มวันเว้อออ แต่ไม่เหมาะกับคนตื่นเช้าไม่ไหวอ้ะ ตกเครื่องแน่นอน เช้าแบบแทบไม่ได้นอน 555



ครั้งนี้ทริปเรา 4 คน 4 วัน 3 คืน เป็น road trip เช่ารถขับเอง (เพื่อนขับ เรานั่งกระดิกทีนสบายใจจร้า 555) เราเช่ารถกับ hertz เป็น honda civic ราคาประมาณวันละ 1300 บาท เอาจริงรถเล็กกว่านี้กลัวหมดแรงกลางเขา 555 รถสะอาดดีมาก ประทับใจ แต่การบริการที่เคาท์เตอร์ค่อนข้างช้า รอจนเมื่อยน่อง



ได้รถแล้วไปกินข้าวกันก่อนเล้ยยย มาถึงนี่แล้วก็จัดอาหารเหนือเปิดซิงกันเลย “ร้านเฮือนใจ๋ยอง” เป็นบ้านไม้สไตล์ล้านนาที่ดัดแปลงมาเป็นร้านอาหาร ให้อารมณ์แบบกินข้าวที่บ้าน อาหารก็โอเค ราคาไม่แรงมาก





อิ่มแล้วไปต่อกันเลย วันนี้เราจะไป "แม่กำปอง" กัน อยากรู้ว่าทำไมถึงฮิต 555 เป้าหมายแรกคือ “ร้านชมนกชมไม้” ร้านขึ้นไปสูงมาก รถเกือบตายกลางทาง โอ้ยยย ลุ้นเว้อออ คนแน่นร้านเลยจร้า แต่ไปถึงได้โต๊ะพอดี เป็นโต๊ะด้านใน ก็นั่งไปก่อนพร้อมกับกดดันคนที่นั่งโต๊ะระเบียงให้ลุกเร็วๆเลย 555 ซักพักก็ได้โต๊ะระเบียง กรี๊ดดด วิวมันดีจริงๆค่ะท่านผู้โช้มมม ถ่ายรูปกันรัวๆ เพราะเราก็กำลังโดนสายตากดดันจากโต๊ะข้างในอยู่เหมือนกัน 555







“ร้านลุงปุ๊ด ป้าเป็ง” ก็เป็นอีกที่ที่จะพลาดไม่ได้ แต่แล้วก็พลาด พลาดไม่ได้กินไม่เท่าไหร่ แต่พลาดไม่ได้ถ่ายรูปด้วย 555 คนเยอะมากอ้ะ เยอะแบบเย๊อะเยอะ ลาก่อยยย



แม่กำปอง






ระหว่างทางลงจากแม่กำปองเราก็แวะโครงการหลวงตีนตก บ้านพักของโครงการฯคือสวยมาก ตั้งอยู่แวดล้อมด้วยภูเขาและต้นไม้เขียวขจี มีลำธารไหลผ่าน มีร้านอาหารให้บริการโดยใช้วัตถุดิบจากโครงการหลวง มีผลไม้ตามฤดูกาลขาย





เป้าหมายต่อไปคือการไปไหวพระขอผัว เอ้ยยย ไหว้พระขอพร เราไปกันที่ “วัดพระธาตุดอยคำ” ว่ากันว่าหลวงพ่อทันใจท่านศักดิ์สิทธิ์มาก จุดธูป 3 ดอกอธิษฐานขอพรได้คนละ 1 ข้อ บอกท่านว่าถ้าสำเร็จจะมาถวายดอกมะลิ 50 พวงขึ้นไป จะได้ตามที่ขอภายใน 2 ปี ดูจากดอกมะลิที่มาแก้บนก็บอกได้แล้วว่าศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน เพื่อนนี่ไปขอคู่ได้กันรัวๆ รอช้าทำไมล้าววว ลุยยย





"วัดอุโมงค์" เป็นวัดเก่าแก่ของเชียงใหม่




เย็นๆแบบนี้ต้องไปที่ฮิตของเด็ก มช กันหน่อยยย จริงๆจะไปส่อง 555 ที่นั่นคือ “อ่างแก้ว” ชิลๆนั่งคุยกัน ดูพระอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ฮร้า ฟิน แต่ก็เริ่มหิว 555





มื้อเย็นวันนี้จะกินสลัดผักเบาๆที่ “ร้านสวนผักโอ้กะจู๋” โอ่ยยย ไม่เบาเลยจร้า ราคาแรงแต่ปริมาณแรงกว่ามาก ผักนี่ใส่มาแบบฟาดไม่ยั้ง แนะนำให้สั่งรวมๆกันแล้วแบ่งกันกิน คนละจานนี่หืดขึ้นคอแน่นวล 555 แต่แบบอร่อยมากกก ผักก็สดมาก อร่อยทุกเมนู นี่ยอมแลกกายถวายชีวิต ดีจริงๆร้านนี้



คืนนี้ไม่รีวิวที่พักนะ นอนบ้านเพื่อน ฟรีจร้า นอนฟรีแล้วแถมขับรถพาเที่ยวทั้งวันอีกด้วย หล่อด้วย หลังไมค์มาขอเบอร์ได้นะ แต่ไม่ให้จะเก็บไว้เอง 555 ร้ายเว้อออ


- DAY 2 -

ก่อนออกจากเมืองเชียงใหม่เราไปจิบกาแฟกินเบเกอรี่ชิคๆคูลๆกันก่อนที่ “forest bake” เบเกอรี่ที่นี่คือหน้าตาน่ากินทุกอย่างเลย ชิมแล้วก็อร่อยจริงไรจริง ที่นี้ร้านข้างๆเป็นร้าน hinlay curry house เพื่อนก็หิวข้าวก็เลยเข้าไปสั่งอาหาร ปรากฏเป็นอาหารแขก นั่งกินกันหน้าตาแบบ… 555 นี่ขอลองชิมละนะ ก็อร่อยดีแบบไม่คุ้นชิน เอิ้กๆ






อิ่มอาหารแขกกันแล้ว วันนี้เราจะไปอินทนนท์กัน ระหว่างทางก็แวะ "น้ำตกวชิรธาร" สักแป๊บนึงเพื่อวามสดชื่น น้ำตกวชิรธารเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ น้ำเยอะ ละอองน้ำที่ซัดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณเมื่อต้องกับแสงอาทิตย์ก็ทำให้เห็นรุ้งกินน้ำสวยงามเลยทีเดียว ฝดฝื่นเว้อออ




ขับขึ้นไปเรื่อยๆจะเจอ "สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์" เอาจริงมาอินทนนท์ก็หลายครั้งไม่เคยแวะเลย ข้างในมันมีอะไร ขอดูหน่อย ตอนแรกจะนอนนี่แต่จองบ้านพักไม่ทัน บ้านพักอุทยานนี่พีคมาก ช่วงไฮๆต้องจองข้ามปีเลยทีเดียว ข้างในก็จะเป็นพรรณไม้นานาพันธุ์ เดินดูถ่ายรูปเพลินๆเน้อะ อากาศก็ดี ชิวจริงๆ




 










คืนนี้เรานอนที่บ้านแม่กลางหลวง "อินทนนท์คีรีมายา" ของพี่สมศักดิ์ พี่สมศักดิ์คือคุยเก่งมาก ไปถึงเค้าจะเลี้ยงกาแฟก่อนเลย เป็นกาแฟปลูกเอง คั่วเอง บดเอง ชงเอง เจ้มจ้นมาก 555 ที่พักเป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ อาหารการกินก็หากินเอาแถวนั้น อร่อยแบบดอยๆ






- DAY 3 -
ตอนกลางคืนอากาศมันเย็นมากเลยคู๊นนน รีบตื่นแต่เช้าไปกิ่วแม่ปาน แล้วทำไงไม่มีใครเลย ก็เลยทิ้งกุญแจไว้เลย แล้วสายๆค่อยโทรบอกพี่สมศักดิ์ว่าเช็คเอาท์เลยนะคะ ยังไม่สว่างขับรถขึ้นเขานี่ก็น่ากลัวอยู่นะ ต้องใช้จิตสัมผัสหน่อยๆ 555วันนี้กิ่วแม่ปานคนเยอะมากแม้จะไม่ใช่วันหยุด โดดงานกันมาใช่มั้ย บอกมา 555 พอไปถึงที่จอดรถก็หายากมากแล้ว ได้ที่จอดไกลสุดกู่ จอดรถเสร็จมายืนรอดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยความหนาววว เอาจริงๆไม่ต้องมายืนดูพระอาทิตย์ขึ้นก็ได้ รีบไปต่อแถวขึ้นกิ่วแม่ปานดีกว่า 555 กว่าจะรู้ตัวคือคิวยาวมากแล้ว เพลียเว้อออ การเดินในเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานเราต้องมีไกด์ท้องถิ่นนำทาง กรุ๊ปละ 200 บาทเท่านั้น ไกด์เราเป็นคุณลุงน่ารักมาก อธิบายให้ฟังตลอดทาง ถามได้ตอบได้ ถามนอกเรื่องก็ยังตอบได้ 555 แล้วก็ใจดี ให้พักตลอดเลย พวกหนูไม่ไหวแย้วววลุง ระยะทางเดินไม่ไกลมาก แต่ถึงกับหอบ มีความเป็นกิโลแม้ว ขึ้นๆลงๆ เหนื่อยเลยยย ไปถึงจุดชมวิวคนเยอะอีก ต้องต่อคิวถ่ายรูปซิกเนเจอร์วิวไปอี๊ก รูปยังไม่ถูกใจก็ต้องพอล้ะอ้ะ คนยืนกดดันเป็นแสน 555 แต่สรุปคือมันสวย ชอบมาก












"เมากาแฟ" ร้านกาแฟฮิปๆที่มีเมนูซิกเนเจอร์ที่ไม่เหมือนใคร


เคยคิดว่าทำไมคนชอบไป "ม่อนแจ่ม" มีอะไรดี ไปแล้วถึงได้รู้... วิว 360 องศาบนนั้นมองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ดอกไม่ใบหญ้าบนนั้นมันมุ้งมิ้งไปหมด อากาศก็ดี มีแดดก็ไม่ร้อน (แต่ดำนะ 555) นอกจากม่อนแจ่ม ใกล้ๆกันก็ยังมี ม่อนม่วน ม่อนตะวัน ม่อนวิวงาม ม่อนอิงดอย วิวก็สวยแตกต่างกันไป แต่อากาศคือดีม๊ากกก









คืนสุดท้ายที่เชียงใหม่เราจะไปนอนที่ "โฮมสเตย์ดอยหลวงเชียงดาว" อาจจะไกลไปหน่อย แต่อยากไปแล้วต้องได้ไป 555 ด้วยความโอ้เอ้ แวะแล้วแวะอีก ถึงดอยหลวงเชียงดาวมืดเลยจร้า 555 ก่อนถึงโฮมสเตย์จะเป็นทางขึ้นเขาประมาณ 12 กิโลเมตร ก่อนถึงทางขึ้นเขาจะมีด่าน ให้หยุดจ่ายเงินค่าเข้าด้วยค่าาา ส่วนเราแหกด่าน 555 น้องเจ้าหน้าที่เรียกและกวักมือรัวๆ น้องมีลดราคาให้ด้วย (ตอนนี้ยังงงกันอยู่ว่ามันลดหรือมันบวกเพิ่ม 555) แนะนำดีด้วยและน่ารักมากด้วย ทางขึ้นเขาขับไม่ยาก แต่ทางค่อนข้างแคบ เพื่อความปลอดภัยควรบีบแตรทุกโค้ง อันนี้น้องเค้าก็บอกมา คริๆ

เราพักที่ "บ้านลีซอวิวสวย" เป็นโฮมสเตย์แห่งใหม่ ซึ่งจะไปถึงเป็นที่แรกเลย ตอนที่ไปช่วงพีคมากแล้วก็ใจเย็นมากด้วย โทรจองล่วงหน้าแค่ประมาณ 1 เดือน ได้ที่นี่คือดีใจโคตร ไม่งั้นคงต้องนอนตีนดอย อากาศไม่หนาวมาก กำลังเย็นสบาย แต่น้ำเย็นมาก ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นจร้า ตอนไปถึงคือมืดแล้ว อาบน้ำด้วยสปีดแรงสูงกันมาก แต่จริงๆคือไม่ต้องสปีดก็ได้เพราะพอตัก 2 ขันแรกราดตัวปุ๊บก็ตัวชาไร้ความรู้สึกไปทันที 555

อาหารมีให้ 2 มื้อเลยนะแถมมีกาแฟยามเช้าอีกด้วย 500 บาทคุ้มไปอี๊ก ที่นี่จะมีน้ำพริกพิเศษ ในสำรับอาหารจะมีมาให้ชิมในปริมาณน้อยมาก เป็นน้ำพริกที่กินกับอะไรก็อร่อย แล้วก็เผ็ดแสบดากมาก แต่ใครกินแล้วติดใจมีขายนะจร้ะ กระปุกละ 100 บาท ไปเหมาด่วนนน มีรุ่นน้องโทรมาพอรู้ว่าเราอยู่เชียงดาวนางฝากซื้อน้ำพริก 5 กระปุก เฮ้ย นี่ตอนแรกว่าจะไม่ซื้อเลยต้องจัดตามเบย 555 นี่พยายามวิเคราะห์ว่าน้ำพริกมันใส่อะไร ดูๆไปก็เหมือนไม่มีอะไรมาก กระเทียมกับพริก ล้ะก็ อ่อออ ผงชูรส ว่าแล้วทำไมอร่อยขนาดนี้ มาเป็นผลึกเลย คร๊วยยย อร่อยหัวล้านกันทั้งหมู่บ้าน 555





- DAY 4 -
ที่พักหลักร้อยวิวหลักล้านที่เคยได้ยินแม่งไม่ผิดเลย ตื่นมาปาดขี้ตาปุ๊บวิวดอยหลวงเชียงดาวเลยจร้าาา ฟินไปอี๊กกก


ที่นี่ไม่ว่าเราจะพักบ้านไหนก็สามารถไปเดินเที่ยวเล่นชมวิวได้ทุกบ้านเลย อย่าลืมไปบ้านระเบียงดาว วิวดีที่สุดแล้วและเป็นบ้านเดียวที่มีกาแฟสด (อันนี้น้องสุดหล่อที่ด่านก็บอกมาอีก) อยากอยู่นี่นานๆไม่อยากกลับเลยยย ภูเขารูปทรงประหลาดที่มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ


วันนี้เราต้องกลับกันแล้ว ชมวิวดอยหลวงเสร็จก็กลับเข้าเมืองกันเลย มันไกลเน้อออ 555 แวะเช็คอินที่ฮิตก๊อนนน "บ้านข้างวัด" อยู่เส้นวัดอุโมงค์-วัดร่ำเปิง เป็นคล้ายๆกับคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านอาหาร สตูดิโอ ซึ่งแต่ละหลังเป็นบ้านไม้ผสมปูนเปลือยที่ออกแบบอย่างลงตัว จัดแปลนอย่างเป็นระเบียบ มีทางเดินเชื่อมระหว่างบ้านแต่ละหลัง มีพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ทำกิจกรรมกลางแจ้ง ถ่ายรูปได้ทุกมุม เหมาะมากสำหรับชาวฮิปสเตอร์ บ้านข้างวัดจะเปิดตอนสายๆถึงเย็นๆนะ ไปเช้านี่แบบเงียบมาก เงียบสนิท












ก่อนไปสนามบินแวะซื้อของกินของฝากที่ "กาดหลวง" ก่อน ของดีราคาถูกบ้าง ไม่ถูกบ้าง 555 แต่มีให้เลือกเยอะมากกก ของกิน ของฝาก เสื้อผ้า ถนนคนเดินนี่ไม่ได้แดกเราจร้า รอมาซื้อที่นี่ 555

0 ความคิดเห็น: