HONGKONG : จะไปขอหลัว ทำไมมันเจอแต่อุปสรรครัวๆ
"ฮ่องกง"
อย่าให้อุปสรรคใดๆมาขัดขวางเรื่องเที่ยวของเรา
ทริปฮ่องกงเกร่อๆ ของ 4 สาว พิมาลา ใจเริง มาลัยวรรณ และสุภัญญา ถึงทริปจะเกร่อมากแต่สตอรี่ไม่เกร่อบอกเลย 555 เริ่มจากสุภัญญาป่วยกระทันหัน ไปด้วยไม่ได้ ตอนแรกเหมือนจะไม่เป็นไร แต่ๆๆ..ก็มาพบว่าที่พักห้องนึงเป็นชื่อสุภัญญา ซึ่งนางต้องไปถึงจะเข้าพักได้ ติดต่อไปทางเอเจนซี่ขอเปลี่ยนชื่อผู้เข้าพัก เอเจนซี่ก็ติดต่อเจ้าของที่พักอีกที แต่อิที่พักมันไม่ยอมจร้าาา (เอเจนซี่บอกว่าฮ่องกงนี่อันดับ 1 เปลี่ยนห่าไรไม่ได้เลย) แล้วทำไง๊ เพื่อนกูผ่าตัดนะโว้ย เพื่อนกูไม่ได้แค่เป็นหวัด 555 ก็เลยตกลงกันว่าจะเอาพาสปอร์ตของสุภัญญาไปด้วยและคิดกันว่า มันไม่รู้หรอก 555 โอเค คืนนี้นอนหลับ สบายใจไปได้เรื่องนึง
ใกล้บินล้ะ นี่อยู่ว่างๆนี่ก็เลยเอาบุ๊กกิ้งมาดูอีกรอบ รู้สึกแปลกๆ ไลน์ไปถามใจเริง ชื่อมึงเขียนแบบนี้ถูกแล้วช้ะ? นางตอบมาว่า ไม่ถูก!!!!! เท่านั้นแหละ วุ่นวายจนถึงวันบิน ฮือออ ใจเริงโทรไปเอเจนซี่ขอแก้ชื่อ เสียค่าธรรมเนียม $50 ก็แบบเออ สบายใจกันล้ะ แต่มันไม่จบแค่นั้น รออยู่ 3 วันตั๋วใหม่ก็ไม่ออก จนวันก่อนบินเอเจนซี่นางบอกว่า emirates เต็มค่ะลูกค้าต้องบิน cathay แทนนะคะ เฮ้ย แค่เปลี่ยนชื่อมันจะเต็มได้ไงวะ งงใจ มึงทำเรื่องชักช้าแล้วมึงไม่รับผิดชอบเลยหรอ ถ้าเป็นญาติผู้ใหญ่หรือเด็กที่บินคนเดียวไม่ได้อ้ะ ไม่ต้องยกเลิกกันหมดไฟลท์หรอ โคตรแย่ แล้วไม่แค่นั้น คือเราต้องจองตั๋วเองด้วย แล้วเดี๋ยวจะคืนให้พร้อมแถมวอยเชอร์ $50 (น้อยไปไหม) สรุปก็ไม่ได้ไปด้วยกันทั้งขาไปขากลับ ไฟลท์ขาไป cathay ช้ากว่า emirates ชั่วโมงนึง แต่... cathey ดีเลย์อีก 2 ชม. จร้าาา กูนี่นั่งร้องไห้รอที่สนามบินฮ่องกงเลยจร้าาา นานชิบหาย อิใจเริงมันได้วอยเชอร์กินข้าวฟรีที่สุวรรณภูมิ ส่วนกู 2 คนน่ะเหรอ ต้องกินบะหมี่กากๆในสนามบินฮ่องกง หมดไปคนละ 100HKD แล้วไม่อร่อย ฮือออ เศร้ากว่า
- DAY 1 -
Emirates เช็คอิน Row T จร้าาา
แอบถ่ายผู้ชายมาฝากดั้ว ยืนนิ่งเลอ 555
เครื่อง A380 ที่นั่งกว้างขวางดีมาก จริงๆก็ไม่ได้กว้างมากขนาดนั้น เราขาสั้น 555
มีจอส่วนตัวและ USB ทุกที่นั่ง หนังเยอะมาก แต่คือบินแค่ 3 ชม. ได้แค่เรื่องเดียวอ้ะ หนูต้องเลือกนะคะลู๊กกก เกมส์ก็มีเยอะจะใช้จอสัมผัสหรือใช้จอยสติ๊กก็ได้ ส่วนปลั๊กไฟมีที่นั่งเว้นที่นั่ง คือนี่ไม่ได้ปลั๊กทั้ง 2 ขา ไหนความยุติธรรม 555
อาหารเป็นอาหารไทย ถือว่าอร่อยเลย ขนมก็อร่อย ส่วนน้ำส้มไม่ไหวอ้ะ
ถึงแล้วสนามบินฮ่องกง หรือ สนามบินเช็กแล็บก็อก พอลงเครื่องปุ๊บเดินเข้ามาในอาคารผู้โดยสารเจอ ตม ก่อนเลยจร้าาา มาตั้งแบบเป็น pop up อ้ะ งงมากไม่เคยเจอ และอิพิมาลาโดนเรียก 555 ก็แค่ถามคำถามทั่วๆไป แต่คนอื่นทำไมไม่เห็นเรียกเลยวะคะ พอถึง ตม จริงๆ นี่โดนถามคำถามแบบเยอะมาก พลิกพาสปอร์ตดูแบบนึกว่าหาเลขเด็ด กลัวกูมาขายหรอ อยู่ไทยกูยังขายไม่ได้เลยจร้าาา 555
และนี่คือโฉมหน้าของบะหมี่กากๆในสนามบินฮ่องกง ที่เรา 2 คนหิวจนหิ้วท้องรอไม่ไหว ไม่อร่อยแบบสุดๆอ้ะ จะร้องไห้ เกลียดอาหารจีนโว้ยยย
ก่อนออกจากสนามบินเราซื้อบัตร octopus กันก่อนเลยที่เคาท์เตอร์ Airport Express ราคา 200 เหรียญ ใช้ได้ 150 เหรียญ เป็น deposit 50 เหรียญ บัตรแม่งดีมากจริงๆ ใช้ได้ทุกอย่างในฮ่องกง ขนาดตู้กาชาปองยังใช้ได้ ยอมแล้ววว อยากให้ไทยมีบัตรแบบนี้มาก แต่เราไม่ได้นั่ง Airport Express ไปที่พักนะ มันแพงแล้วยังต้องต่อรถอีก นั่งบัส A21 ลงป้าย Cameron Road, Nathan Road ถึงหน้าที่พักเลย สบายไปอีก
ที่พักชื่อ Sunrise International - Boutique Hostel เป็นแฟลตห้องใหญ่แล้วเอามาทำเป็นโฮสเทลห้องเล้กๆอ้ะ มีแค่ 5 ห้อง เพราะงั้นห้องมันเล็กมาก ห้องน้ำก็เล็ก แบบต้องนั่งบนชักโครกแล้วอาบน้ำอ้ะ
มาถึงโดนเจ้าของดุเลยจร้าาา ยืนเคาะนาฬิกาข้อมือรอ 555 นางถามว่าคนไหนสุภัญญา อิพิมาลา (ตัวแสดงแทน) ยืนนิ่งอีก ต้องสะกิดกันรัวๆ โอ้ย ความจะแตกไหม หน้าก็ไม่เหมือนในพาสปอร์ตอีก แต่ก็ผ่านไปด้วยดี เจ้าของที่พักโดยรวมก็ใจดีนะ คือเราก็มาช้าเองจริงๆแหละ ยอมรับ
วันแรกหมดไปกับการเดินทางและต่อสู้กับอุปสรรค 555 นอนเลยไม่ไปไหนแย้ววว
- DAY 2 -
ที่แรกที่เราจะไปกันวันนี้คือวัดหวังต้าเซียน ขอพรกับเทพเจ้าหยุคโหลว เทพเจ้าแห่งความรักผู้ผูกด้ายแดง นี่แหละคือจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของทริปนี้ การที่เราจะได้คู่นั้นเราต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย และเราก็มาถึงกันจนได้ เพราะฉะนั้นได้แน่คราวนี้ 555
เทพเจ้าหยุคโหลว เทพเจ้าแห่งความรักผู้ผูกด้ายแดง
สำหรับวิธีขอพรกับเทพเจ้าหยุคโหลวนั้นก็ไม่ยากเลย เราจะบอกวิธีสำหรับผู้หญิงนะคะ อันดับแรกทำมือตามรูปให้ได้ก่อน ทำได้แล้วไปรับด้ายแดงที่เจ้าหน้าที่ได้เลย (มือห้ามหลุดน้า) เดินไปอธิษฐานขอคู่ที่องค์ท่านเทพ ขอแบบไหนอะไรยังไงบอกท่านได้เลย เสร็จแล้วเดินไปทางรูปปั้นเจ้าบ่าว ปลอยมือออกแล้วจับด้ายแดงไว้ทั้ง 2 ด้าน ใช้ด้ายแดงลูบที่มือเจ้าบ่าวลงมาจนถึงเท้า แล้วนำด้ายแดงผูกไว้ที่เชือก เป็นอันเสร็จขั้นตอน วิธีนี้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ตรงนั้นแนะนำมาเลยน้าาา
เสร็จจากวัดหวังต้าเซียนก็ฝนตกจร้า เข้าห้างแพร้บ ทริปนี้เอะอะๆ เดินเข้าห้างอ้ะ ก็มันร้อน ก็มันฝน โอ้ยยย สภาพอากาศสุดแสนจะแปรปรวน
หลบฝนเสร็จนั่งรถไฟไปวัดแชกงหมิวต่อ เป็นวัดที่โด่งดังมากกก พอเข้าไปข้างในนี่อ๋อเลย ดังในกลุ่มคนไทยมาก คนไทยล้วนๆ นึกว่าอยู่เล่งเน่ยยี่อ้ะเอาจริง 555
เสร็จแล้วก็เข้าห้างอีก บอกแล้ว มันร้อนมาก ไม่ไหวแล้ววว
แต่คราวนี้มีจุดมุ่งหมาย เราจะไปกินติ่มซำมิชลินสตาร์กัน คือร้าน Tim Ho Wan ร้านมีหลายสาขานะ แต่เลือกสาขานี้เพราะใกล้กับตึก sky100 เดี๋ยวเราจะไป sky100 กันต่อ
อาหารร้านนี้จัดว่าอร่อย เป็นมื้อแรกที่ประสบความสำเร็จก็ว่าได้ 555 ร้านคนเยอะ แต่ไม่ถึงกับต้องรอคิว ที่สำคัญ เฮ้ยแกร ราคาไม่แพงเลย ดีงามมากอ้ะ
อิ่มแล้วเราจะไปตึก sky100 ชมวิวฮ่องกงและอ่าววิคตอเรียมุมสูงกัน
sky100 Hong Kong Observation Deck เป็นจุดชมวิวที่สุงที่สุดในฮ่องกง ตั้งอยู่ที่ชั้น 100 ของตึก ICC ซึ่งเป็นอาคารที่สูงที่สุดในฮ่องกง ความสูง 393 เมตร แม้จะอยู่ชั้นที่ 100 แต่ลิฟท์คือไวมาก ปรี๊ดเดียวถึง เร็วและนิ่ง ประทับจุย
วิวข้างบนจัดว่าสวยจริงๆ และสามารถเดินวนดูได้ 360 องศาเลย ขนาดวันที่ฝนตก อากาศไม่เป็นใจยังสวย แนะนำให้มาตอนเย็นๆแล้วอยู่จนถึงมืดเลย จะได้เห็นเมืองทั้งในตอนกลางวันและกลางคืนค่ะ
เวลา 2 ทุ่มริมอ่าววิคตอเรียจะมีการแสดง Symphony of Light ทุกวัน โดยจะเป็นการแสดงแสงสีเสียงบนตึกทางฝั่งเกาะฮ่องกง ดูแล้วก็ไม่ว้าวอะไร แต่มาแล้วก็ต้องดูอ้ะ 555
ช่วงที่เราไปตรงวันชาติของจีนพอดี ตอน 3 ทุ่มมีการแสดงพลุแบบอันลิมิตมาก จุดพลุติดต่อกัน 23 นาที แบบฟ้าไม่มีที่ว่าง พูดล้ะจะว่าเวอร์ ก็มันเวอร์จริ้งงง ความจีนนี้ อลังการงานสร้างมาก แต่..จุดที่ไปยืนดูนั้นกากเต็มที และคนก็เยอะมากกกกกกกกกก (ก.ไก่ล้านตัว) รูปพลุเลยได้มาแบบนี้ 555 ถ้าอยากเห็นความสวยงามก็เสิชใน google ดูได้ google นั้นเสิชเจอทุกอย่างยกเว้นบล็อคกูนี่แหละ อุ่ย!!!
- DAY 3 -
เช้านี้ไปหาอะไรเบาๆรองท้องแพร้บ เดินออกมาจากที่พักแล้วพบว่า Pocket Wifi ไม่มีสัญญาณ ฮือออ หาร้านไม่เจอ จะไลน์หา Tripizee ก็ไม่ได้ เดินกลับที่พักก็ขี้เกียจแล้ว ได้ wifi จาก 7-eleven ช่วยชีวิตไว้จนหาร้านโจ๊กเจอแล้วไปใช้ wifi ที่ร้านโจ๊กต่อ พนักงาน Tripizee คือช่วยเหลือดีมาก ตอบไว แต่เน็ตนางที่ฮ่องกงคือช้ามาก ยิ่งเจอคนเยอะที่งานพลุวันชาติด้วยแล้วนั้น ดับสนิทจร้าาา
พูดถึงร้านโจ๊ก Hung Lee ใกล้ที่พักย่าน Tsim Sha Tsui อันนี้ก็จัดว่าอร่อย เกี๊ยวกุ้งอย่างแน่น แต่ร้านอาหารจีนนี่เป็นทุกร้าน เสิร์ฟรุนแรงเกิ้น เค้าตกใจ 555
ช่วงนี้ Avenue of Stars ปิดปรับปรุงเน้อ คาดว่าน่าจะเปิดปี 2018 แต่รูปปั้นซุปตาร์ ฝ่ามือดาราคนโปรดย้ายไปจัดที่ Garden
of Stars แทนจร้า ซึ่งร้อนมากอะเกน แค่เดินผ่านยังจะไม่ไหวแล้ววว ยังจะมาทำท่าประหลาดถ่ายรูปอีก อาย 555
สำหรับสายถ่าย portrait นั้นอย่าลืมแวะไปถ่ายรูปที่ Hong Kong Cultural Centre ตึกสีชมพูอ่อนๆที่โคตรฮิปสเตอร์ นางแบบโพสเต็มตลอดจร้าาา 555
เค้กที่ฮ่องกงนั้นน่ากินไม่ใช่เล่น หิ้วกลับบ้านได้ก็หิ้วไปแล้ว กลัวเละ เลยใส่ท้องกลับดีกว่า 555
เพื่อให้การมาฮ่องกงของเรานั้นครบรสการเดินทางเลยต้องนั่ง Star Ferry ข้ามฝากไปเกาะฮ่องกงซะหน่อย ชมวิว Victoria Harbour ไปด้วย
นั่ง Star Ferry จาก Tsim Sha Tsui Pier ไปลงที่ Wan Chai Pier เดินไปทาง Hong Kong Convention and Exhibition Centre ด้านหน้าจะเป็น Golden Bauhinia Square และจะมีตัวการ์ตูนนั่ลล้ากอยู่ตรงนั้นด้วยคือ Ani-Com Park@Harbour"FUN" ความแบ๊วส์ในวัย 30 นี้ 555
ข้ามมาฝั่งฮ่องกงแล้ววันนี้เราจะไปดูตึกทรานฟอร์เมอร์ในตำนานกัน 555 ก็ใครมาก็ต้องไปถ่ายอ้ะ เราก็ต้องไปบ้าง เดี๋ยวเอาท์
Yick Fat Bldg (1048 king's rd.)
งาน portrait ต้องมาอีกแล้วค้าบบบ
กลับมาที่สถานี central ชอบรถไฟที่นี่มากอ้ะ มีความขึ้นง่ายไม่ซับซ้อน แต่ละสถานีก็สีไม่เหมือนกัน บางทีวัสดุที่ทำต่างกันด้วย สวยทุกสถานีเลย จะลงถ่ายทุกสถานีก็กลัวจะไม่ได้ไปไหนกันพอดี 555
เดินไปเดินมาผ่านร้านทาร์ตไข่ร้านดังเฉยเลย ต้องโดนอ้ะ ทาร์ตไข่ร้าน Tai Cheong Bakery ภายนอกจะดูเรียบง่ายเหมือนไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
แต่พอลองกัดเข้าไปคำแรกจะรู้ได้เลยว่าไม่ธรรมดา ตัวแป้งทาร์ตจะเป็นแบบร่วนเล็กน้อย ส่วนไส้ก็เรียบเนียนละลายในปากมาก
รสชาดหวานกำลังดี
และนี่คือมุมฮิตที่ดั้นด้นมา อยู่ที่ Graham street เดินจากสถานี central นี่ไกลพอสมควร แล้วก็มาพบกับคนเพียบเลย โอ่ยยย เหนื่อย อยากกลับบ้าน 555
งานเดินตลาดสดก็มานาจา
งานสตรีทฟู้ดก็มานาจา
ยืนดูอยู่พักนึงเห็นคนฮ่องกงชอบกินไอ้เม็ดๆนี่ก็สั่งบ้าง แม้ค้าดุสัส ฮือออ พอชิมแล้วก็แบบเป็นลูกชิ้นอ้ะ เหมือนจะเป็นแป้งล้วน ดึ๋งๆ ไม่อร่อยอ้ะ ถ้าคนที่นี่ได้สัมผัสกับรสชาดของลูกชึ้นเอ็นหมูคงจะเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ 555
สำหรับขนมที่ฮ่องกงนั้น มีแต่ขนมนำเข้า ของไทยนี่เพียบเลย แพงดั้ว
- DAY 4 -
วันนี้ทางเราจะกลับบ้านกันแล้ว ตอนเช้าเราไปทำ In-town check-in ที่สถานีเกาลูนได้เลย ในโซนที่พักอาศัยจะมี shuttle bus สามารถขึ้นรถมาที่สถานีเกาลูนได้ฟรี รถจะจอดตาม รร ใหญ่ๆ
การทำ In-town check-in นี้สะดวกมาก สามารถโหลดกระเป่าได้ทั้งวันเลย บินคืนนี้ก็โหลดไว้ตั้งแต่เช้าได้ หมดปัญหาต้องแบกกระเป๋าเดินทางในวันสุดท้าย แต่ไม่ได้ทำได้ทุกสายการบินนะ ต้องเช็คกับทางเว็บของ Airport Express ก่อน การทำ In-town check-in เราจะซื้อบัตร Airport Express หรือจะใช้ Octopus ก็ได้ค่ะ
* ก่อนทำ In-town check-in เราต้องจัดกระเป๋าให้ดีนะคะ เอาของเหลวใส่ลงกระเป่าโหลดให้หมด แล้วก็ห้ามซื้อของเหลวขวดใหญ่ๆอีกนอกจากในเกตจร้า
ได้บอร์ดดิ้งพาสมาเลยเรียบร้อย ค่ารถ 100 เหรียญ แพงมาก แต่สบายใจ 555
ทีนี้เราจะนั่ง Airport Express ไปถึงแค่สถานี Tsing Yi แล้วต่อ MTR ไปลง Tung Chung เพื่อจะไป Ngong Ping 360 ก็สามารถทำได้นะคะ แต่ที่สถานี Tsing Yi มันจะไม่มีทางให้ออก เราแค่ไปบอกกับนายสถานีค่ะ เค้าจะขอดูบัตรเรา ในที่นี้เราใช้ Otopus ค่ะ แล้วก็ให้ออกได้
Ngong Ping 360 วันนี้นั้นคนเยอะมาก สมกับที่เป็นวันหยุดยาววันชาติจีน รอคิวเกือบ 3 ชม. กันเลยทีเดียว จะล้องห้าย นี่ถ้าเผื่อเวลาไว้น้อยคือตกเครื่องแน่นวล
ร้าน Honeymoon Dessert ขนมก็ใช้ได้อยู่ แต่ร้านเปิดแอร์เย็นมาก ชื่นใจ 555
พา God of Love กลับบ้านด้วย คราวนี้ไม่พลาดบอกเลย 555
จบแล้วรีวิวฮ่องกงเกร่อๆ แต่อุปสรรคเยอะเวอร์ แล้วยังเด๋อๆด๋าๆอีก 555 ได้ขอเนื้อคู่ล้ะ ถือว่าเป็นทริปที่ mission complete จร้าาา บรั้ยยย
0 ความคิดเห็น: